ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ด้วย Generative AI
บริษัทบริการด้านการตลาดและเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Monks ตอบรับความต้องการเนื้อหาที่เพิ่มขึ้นด้วย Adobe Creative Cloud และ Adobe Substance 3D


96%
สร้าง assets เวอร์ชันต่างๆ ได้เร็วขึ้นถึง 270 เวอร์ชันโดยใช้ AI
วัตถุประสงค์
ปรับปรุงกระบวนการทางการตลาดโดยใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อลดช่องว่างในเวิร์กโฟลว์
ใช้ประโยชน์จาก Adobe Firefly เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นด้วยการส่งข้อความเฉพาะบุคคล
มอบประสบการณ์ 3 มิติที่แปลกใหม่เพื่อดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย
ส่งมอบผลงานที่เกินความคาดหวังของลูกค้า เพราะมีเวลาขัดเกลางานออกแบบมากขึ้น
ผลลัพธ์
นำกระบวนการทางการตลาด ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น โดยเชื่อมต่อ API ของ Adobe กับ Monks.Flow ซึ่งเป็นโซลูชันที่เน้น AI จาก Monks
สร้างแบนเนอร์เวอร์ชันต่างๆ ได้เร็วขึ้น 96% ด้วย Adobe Firefly โดยสร้างแบนเนอร์ 270 เวอร์ชันสำหรับใช้ในทุกช่องทางและทุกอุปกรณ์ได้ภายในวันเดียว
สร้าง assets 3 มิติได้เร็วขึ้น 70% เพื่อให้ทันเดดไลน์ที่กระชั้นชิด
เพิ่มความเร็วในการออกแบบ โดยใช้ Material Library ในตัวที่มี assets 3 มิติสำเร็จรูป
เชื่อมช่องว่างระหว่างความคิดสร้างสรรค์กับกระบวนการ
Jordan Cuddy หลงใหลในประสบการณ์ที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ ในฐานะ Executive Vice President และ Global Head of Experience ของ Monks บริษัทบริการด้านการตลาดและเทคโนโลยีที่มีรางวัลการันตี เธอชอบเวลาที่เธอและทีมสามารถหาวิธีทำสิ่งพิเศษ เพื่อช่วยให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น สร้างความประทับใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มรายได้
“Monks เป็นเอเจนซีที่รวมทั้งนักคิดและนักสร้างสรรค์” Cuddy กล่าว “ลูกค้าของเราสัมผัสได้ถึงความแตกต่างจากเอเจนซีอื่นๆ ทันที เราเริ่มต้นจากการผลิตงานครีเอทีฟ แต่เรายังมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ข้อมูล และธุรกิจที่พร้อมนำความคิดสร้างสรรค์มาต่อยอดผ่านบริการและแพลตฟอร์มต่างๆ”
ในฐานะบริษัทที่ให้ความสำคัญกับดิจิทัลเป็นหลัก Monks ผลักดันขีดจำกัดของเทคโนโลยี โดยจัดการทุกอย่างตั้งแต่การกำกับศิลป์และการผลิต ไปจนถึงการสนับสนุนทางกลยุทธ์และเทคนิคสำหรับแบรนด์ใหญ่ๆ ทั่วโลก แต่ไม่ว่าลูกค้าจะเผชิญกับความท้าทายใด ลูกค้าก็ต้องการภาพที่ทรงพลังอย่างต่อเนื่องซึ่งดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย
Monks ทำงานร่วมกับแอป Adobe Creative Cloud และ Adobe Substance 3D Collection รวมถึงฟีเจอร์รุ่นใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI ของ Adobe Firefly โดยเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับประสบการณ์ลูกค้า รวมถึง AR และเกมแบบอินเทอร์แอกทีฟซึ่งช่วยดึงความสนใจไปที่การตลาดให้กับแบรนด์ใหญ่ๆ ทั่วโลกบางส่วน

“API ของ Adobe ซึ่งรวมถึง Firefly Services ช่วยให้เราสามารถผสานแนวคิดสร้างสรรค์เข้ากับกระบวนการทางการตลาดได้ ถือเป็นส่วนสำคัญของ Monks.Flow”
Geert Eichhorn, Executive Innovation Director ของ Monks
กำจัดปัญหาคอขวดด้วยกระบวนการสร้างสรรค์อัตโนมัติ
ในบริษัทต่างๆ งานศิลป์มักต้องผ่านการตรวจทานหลายรอบ ทั้งจากครีเอทีฟ แบรนด์ กฎหมาย การประเมินความเสี่ยง และอื่นๆ แม้แต่แบนเนอร์โฆษณาง่ายๆ ชิ้นหนึ่งก็อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนในการจัดการโดยครีเอทีฟก่อนที่จะได้รับการตรวจทาน อนุมัติ และพร้อมใช้งาน
Geert Eichhorn ซึ่งเป็น Executive Innovation Director ของ Monks อาจเริ่มต้นอาชีพในฐานะครีเอทีฟ แต่เขามีใจรักเทคโนโลยีมาโดยตลอด ทีมวิจัยและพัฒนาของเขาจึงคิดค้นแนวทางใหม่สำหรับเวิร์กโฟลว์งานงานครีเอทีฟด้วย Monks.Flow โซลูชันปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งเชื่อมต่อผู้คนและเครื่องจักรเข้าด้วยกัน แบรนด์ต่างๆ สามารถทำงานร่วมกับ Monks.Flow ได้ในรูปแบบบริการที่มีการจัดการ ซึ่งผสานรวมเครื่องมือชั้นนำในอุตสาหกรรม รวมถึงโซลูชันของ Adobe เช่น Creative Cloud และ Adobe Workfront ให้เป็นไปป์ไลน์อัตโนมัติที่ไร้รอยต่อ ซึ่งช่วยกำจัดปัญหาคอขวดและสร้างสรรค์นวัตกรรมได้เร็วขึ้น
“API ของ Adobe ซึ่งรวมถึง Firefly Services ช่วยให้เราสามารถผสานแนวคิดสร้างสรรค์เข้ากับกระบวนการทางการตลาดได้ ถือเป็นส่วนสำคัญของ Monks.Flow” Eichhorn กล่าว “การกำจัดภาวะไซโลทำให้เราเพิ่มระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมและส่งมอบ assets ได้มากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการนำเสนอเฉพาะบุคคลโดยใช้ความพยายามน้อยลง”
สร้างสรรค์งานได้รวดเร็ว
ทีมต่างๆ ใน Monks ใช้เทคโนโลยีและฟีเจอร์ล่าสุดของ Adobe เพื่อช่วยให้เวิร์กโฟลว์งานครีเอทีฟเร็วขึ้น ศิลปินมักนำภาพจาก Adobe Stock มาแก้ไข ปรับเลเยอร์ หรือจัดเรียงใหม่ใน Adobe Photoshop เพื่อระดมความคิดเกี่ยวกับไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆ
ขั้นตอนต่อไปเกี่ยวข้องกับ Generative AI ที่ขับเคลื่อนโดย Firefly ภายในแอป Creative Cloud ทั้งหมด เพื่อรวม ปรับปรุง หรือสร้างรูปภาพที่แสดงแนวคิดของนักออกแบบได้ดีขึ้น การใช้ Custom Models ช่วยให้นักออกแบบสามารถฝึก Firefly ตามสไตล์เฉพาะของลูกค้า ทำให้ขยายการรองรับของเนื้อหาได้ง่ายขึ้นและคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ Generative Background ที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีของ Firefly ใน Substance 3D Stager ช่วยให้นักออกแบบสามารถทำซ้ำได้เร็วขึ้นและผลิตผลงานได้มากกว่าที่เคย โดยใช้พื้นหลังที่สร้างจากพรอมต์ข้อความ การใช้ Firefly ใน Photoshop ช่วยให้นักออกแบบที่ Monks สร้างแบนเนอร์เวอร์ชันต่างๆ ในโปรเจกต์แบนเนอร์สื่อได้เร็วขึ้น โดยสร้างแบนเนอร์ 270 เวอร์ชันในหนึ่งวันเพื่อนำแบนเนอร์กลับมาใช้ซ้ำในทุกช่องทางและทุกอุปกรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้โปรเจกต์นี้อาจใช้เวลาดำเนินการด้วยตนเองนานถึงสี่สัปดาห์
“Firefly เป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมใน Creative Cloud สำหรับศิลปินของเรา ช่วยให้ศิลปินสามารถทำงานได้เร็วขึ้นและมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ขณะที่ช่วยลูกค้าประหยัดเงินไปด้วย” Michael Dobell, Executive Vice President of Innovation ของ Monks กล่าว “ประโยชน์ที่แท้จริงสำหรับแบรนด์คือ AI ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น เนื่องจากเราสามารถสร้างรูปแบบต่างๆ ได้เร็วขึ้น ผู้คนจะได้เห็นเนื้อหาที่เหมาะกับตนเองในช่องทางที่ต้องการ ซึ่งกระชับความสัมพันธ์กับแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น” ตัวอย่างเช่น Monks ร่วมมือกับแบรนด์เพื่อสุขภาพอย่าง Hatch เพื่อกระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์ด้วยกลยุทธ์การส่งข้อความเฉพาะบุคคล ซึ่งขับเคลื่อนโดย Monks.Flow ส่งผลให้ต้นทุนต่อการซื้อดีขึ้น 31% และอัตราการคลิกผ่านเพิ่มขึ้น 78%
เร่งเวิร์กโฟลว์ 3 มิติให้เร็วขึ้น
แม้ว่าการสร้างเนื้อหา 3 มิติเป็นส่วนสำคัญในประสบการณ์อินเทอร์แอกทีฟ เช่น เกม VR และ AR บริษัทต่างๆ ยังใช้ assets 3 มิติมากขึ้นเพื่อปรับปรุงกระบวนการออกแบบ ตั้งแต่การสร้างต้นแบบเสมือนจริงไปจนถึงการถ่ายภาพดิจิทัล แบรนด์ต่างๆ กำลังตื่นตัวกับประโยชน์ของการรวมเครื่องมืออย่าง Substance 3D เข้าไปในเวิร์กโฟลว์ของตน
เวลาเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดเมื่อทำงานในรูปแบบ 3 มิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของความพยายามที่ต้องใช้ในการสร้างและใส่พื้นผิว แต่พื้นผิวเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ประสบการณ์ 3 มิติสมจริง เพราะพื้นผิวที่ออกแบบมาอย่างดีสามารถถ่ายทอดรายละเอียดที่สมจริงและสะดุดตา ขณะที่ยังคงรักษาประสิทธิภาพสูง ผลลัพธ์ที่ได้คือ assets 3 มิติที่ดูยอดเยี่ยมและทำงานได้ดีในทุกประสบการณ์
การปรับปรุงความยืดหยุ่นและความสะดวกในการใช้งาน Substance 3D Collection ช่วยให้ศิลปินของ Monks สามารถสร้าง assets 3 มิติที่มีพื้นผิวสมจริงได้เร็วขึ้น 70% เมื่อก่อนศิลปินต้องใช้เวลาทั้งวันเพื่อปรับเปลี่ยนงานออกแบบตามที่ร้องขอ เช่น การปรับเปลี่ยนพื้นผิวหรือสี แล้วจึงเรนเดอร์เวอร์ชันใหม่ ตอนนี้ศิลปินสามารถสร้างสรรค์งานรูปแบบต่างๆ ได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และยังสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นในการประชุมวิดีโอคอลเพื่อพิจารณาตัวเลือกต่างๆ กับลูกค้าแบบเรียลไทม์ ซึ่งทำให้สามารถทำงานเสร็จทันเดดไลน์ที่กระชั้นชิดได้มากขึ้น โดยไม่ลดทอนความสามารถในการทดลองไอเดียสร้างสรรค์

“Substance 3D มีฟีเจอร์ที่โดดเด่นสำหรับการสร้างพื้นผิวโมเดล 3 มิติและการสร้างวัสดุ ทำให้เป็นเครื่องมือสำคัญในชุดเครื่องมือออกแบบของเรา”
Andrea Arice, Associate Motion Director for Experience ของ Monks
ออกแบบชุด 3 มิติให้เกมเมอร์
Andrea Arice ซึ่งเป็น Associate Motion Director for Experience ของ Monks ใช้ความชื่นชอบด้านแฟชั่นมาช่วยให้แฟนๆ ใกล้ชิดกับการแข่งขันมากขึ้นผ่าน Pixel Arena เกมมัลติเพลเยอร์ 3 มิติแบบสมจริงจาก Google และ NBA ผู้เล่นจะแข่งขันกับแฟนคนอื่นๆ เพื่อรับคะแนนและรับสินค้าดิจิทัลสุดพิเศษ ผู้เล่นยังสามารถแสดงตัวตนของตัวเองได้โดยการปรับแต่งอวาตาร์ ผสมผสานทรงผม เครื่องประดับ และเสื้อผ้าส่วนบนและส่วนล่างหกแบบที่มีให้เลือกห้าสี
Arice ทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีม Monks เพื่อออกแบบชุดที่น่าดึงดูดทั้งหมด โดยเริ่มต้นด้วยโมเดล 3 มิติความละเอียดสูงที่สร้างและเตรียมโดยใช้ Maya, Zbrush และ Cinema 4D จากนั้น Arice ใช้ Substance Painter เพื่อเพิ่มรายละเอียด พื้นผิว ผ้า รอยเย็บ เอฟเฟกต์โปร่งแสง และสี เพื่อสร้างงานออกแบบที่น่าจดจำ แม้ว่าช่วงแรกเขาจะใช้ Substance Sampler เพื่อเปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นพื้นผิวและวัสดุที่เป็นเอกลักษณ์ แต่หลักๆ แล้ว เขาใช้ Material Library ที่มีอยู่ในตัวและตัวเลือกวัสดุที่ปรับแต่งได้หลากหลาย เพื่อเพิ่มความเร็วในกระบวนการออกแบบ
การใช้ Substance ช่วยให้ Arice ประหยัดเวลาได้ ทำให้มีเวลาเหลือเฟือสำหรับการทดลอง เขาสามารถสลับระหว่างจานสีสำหรับงานออกแบบ Pixel Arena ได้ในไม่กี่วินาที เพื่อให้เสื้อผ้าส่วนบนและส่วนล่างดูดีในทุกชุดค่าผสม
เนื่องจากผู้เข้าร่วมเล่นเกมบนเว็บเบราว์เซอร์หรือแอป NBA บนมือถือ Arice จึงออกแบบโมเดล 3 มิติที่มีประสิทธิภาพซึ่งโหลดได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ลดทอนความน่าดึงดูดทางสายตา แทนที่จะพยายามปั้นแต่งรายละเอียดลงบนโมเดล 3 มิติ เขาได้วาดปุ่ม ซิป และรายละเอียดอื่นๆ ลงบนเสื้อผ้า เดิมที Arice คิดว่าเขาจะต้องสร้างเวอร์ชันความละเอียดสูงแยกต่างหากเพื่อใช้ในสื่อสำหรับโปรโมท แต่โมเดลที่พร้อมสำหรับเกมดูดีมากจนเขาใช้โมเดลนี้เป็นวิดีโอโปรโมทที่สร้างแอนิเมชันใน Adobe After Effects
“Substance 3D มีฟีเจอร์ที่โดดเด่นสำหรับการสร้างพื้นผิวโมเดล 3 มิติและการสร้างวัสดุ ทำให้เป็นเครื่องมือสำคัญในชุดเครื่องมือออกแบบของเรา” Arice กล่าว “ความสามารถที่ทรงพลังพร้อมการผสานรวมกับ Creative Cloud ส่วนที่เหลืออย่างลงตัว ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของเราอย่างมาก ช่วยให้เราสร้างโมเดลง่ายๆ ที่ดูดีและทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกประสบการณ์ 3 มิติได้อย่างรวดเร็ว”
ขยายแบรนด์ให้เติบโตด้วยการทดลองเชิงสร้างสรรค์
การใช้เทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆ เช่น โซลูชัน Creative ที่ขับเคลื่อนด้วย Firefly และ Substance 3D ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ สนับสนุนให้ศิลปินของ Monks ได้ทดลองและสำรวจสิ่งที่สนใจ จึงเป็นผู้นำทั้งด้านความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี โดยส่งมอบแคมเปญที่แปลกใหม่และเนื้อหาเฉพาะบุคคลในวงกว้าง
“Adobe มอบแอปสร้างสรรค์ที่ช่วยให้เราสามารถส่งมอบเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมได้อย่างรวดเร็ว เมื่อผสานแอปเหล่านี้เข้ากับความเชี่ยวชาญของเรา เราจึงสามารถไขปัญหาความท้าทายด้านงานสร้างสรรค์ที่ใหญ่ที่สุดของลูกค้าได้ ส่งผลให้ชนะใจลูกค้าและสร้างความภักดีเพื่อขยายแบรนด์ให้เติบโต” Cuddy กล่าว