#ffffff

ADOBE REAL-TIME CDP

AI กับ machine learning

A woman demonstrating everyday use of artificial intelligence by using an Amazon Alexa.

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นวิธีที่ระบบจำลองความฉลาดของมนุษย์ โดยปกติจะทำงานขั้นสูงโดยไม่มีการแทรกแซงของมนุษย์ โมเดล Machine Learning (ML) ใช้อัลกอริทึมตามกฎเพื่อเรียนรู้โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรมเพิ่มเติม

AI และ ML มักใช้ในความหมายเดียวกันเนื่องจากสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด แต่จริงๆ แล้วสองสิ่งนี้มีความแตกต่างกันอยู่ สิ่งสำคัญคือองค์กรต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีทั้งสองนี้เพื่อลงทุนในโซลูชันที่เหมาะสม

ในบทความนี้เราจะอธิบายว่า AI และ machine learning คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร ทำงานร่วมกันอย่างไร และธุรกิจสามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างไร

สำรวจส่วนต่างๆ ของหน้านี้

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คืออะไร

#ปัญญาประดิษฐ์-ai-คืออะไร-1

Machine Learning (ML) คืออะไร

#machine-learning-ml-คืออะไร-1

ความแตกต่างระหว่าง machine learning กับ AI

#ความแตกต่างระหว่าง-machine-learning-กับ-ai-1

AI และ machine learning ทำงานร่วมกันอย่างไร

#ai-และ-machine-learning-ทำงานร่วมกันอย่างไร-1

ประโยชน์ของ AI และ machine learning

#ประโยชน์ของ-ai-และ-machine-learning-1

วิธีใช้ AI และ machine learning

#machine-learning-ml-คืออะไร-1

อนาคตของ AI และ machine learning

#อนาคตของ-ai-และ-machine-learning-1

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คืออะไร

AI ช่วยให้ระบบทำงานต่างๆ ที่ปกติแล้วจะทำโดยมนุษย์ โดยปกติ “intelligence” หรือปัญญา หมายถึงความสามารถในการใช้เหตุผลของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ (สัตว์) อย่างไรก็ตาม “artificial” หรือประดิษฐ์หมายความว่าปัญญานี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิตทั่วไปแต่โดยคอมพิวเตอร์

ในทางปฏิบัติ AI คือพลังความคิดที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยระบบคอมพิวเตอร์

แม้ว่าอาจฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์แต่ AI ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ผู้ช่วยเสมือน เช่น Siri และ Alexa ใช้ AI เพื่อเรียนรู้ความชอบของคุณและแนะนำผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้อง แชทบอทที่ทำงานด้วยระบบ AI ยังช่วยให้ผู้ซื้อได้รับความช่วยเหลือเฉพาะบุคคลตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน

แต่ AI ไม่สามารถสร้างข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง โดยปกติแล้ว AI จะต้องใช้ข้อมูลรูปแบบหนึ่งๆ เพื่อทำกระบวนการเหล่านี้ให้เสร็จสมบูรณ์ ข้อมูลนี้อาจเป็นข้อความที่พิมพ์ คำสั่งเสียง หรือรูปภาพก็ได้

สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่า AI มีหลายประเภท องค์กรใช้ AI ประเภทใดประเภทหนึ่งหรือหลายประเภทเพื่อทำงานที่แตกต่างกันให้สำเร็จ

Infographic covering the three different types of AI: Weak AI, General AI, and Super AI.

Weak AI

Weak AI เป็น AI ประเภทหนึ่งที่มีข้อจำกัดมาก โดยเน้นทำงานเฉพาะด้านที่เชี่ยวชาญ AI ประเภทนี้ไม่สามารถทำงานเกินข้อจำกัดที่กำหนดไว้ได้เนื่องจากได้รับการเทรนสำหรับงานที่เฉพาะเจาะจงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น digital voice assistants และเครื่องมือแนะนำผลิตภัณฑ์ใช้ weak AI โดยไม่สามารถทำงานหรือหน้าที่เพิ่มเติมนอกเหนือจากความเชี่ยวชาญของตัวระบบ

General AI

General AI มีความสามารถในการเลียนแบบวิธีการเรียนรู้ของสมองมนุษย์ ในทางทฤษฎี General AI สามารถทำงานใดๆ ที่ต้องใช้ปัญญาด้วยประสิทธิภาพเท่าเทียมกับมนุษย์ แม้ว่าความสามารถจะยังคงอยู่ระหว่างศึกษาวิจัยอยู่ก็ตาม

Super AI

Super AI เป็นปัญญาในระดับที่ระบบมีความฉลาดเหนือกว่ามนุษย์ ในระดับนี้ AI สามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ ในขณะนี้ Super AI เป็นเพียงสมมติฐานเท่านั้น

ไม่ว่าธุรกิจจะใช้ AI ใด เทคโนโลยีนี้ล้วนอาศัยอัลกอริทึมในการวิเคราะห์ข้อมูลและจำลองการคิดของมนุษย์ นี่คือจุดที่ AI แตกต่างจาก machine learning ซึ่งใช้การป้อนข้อมูลที่ตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้าเพื่อทำงานเฉพาะอย่าง

เรามาสำรวจพื้นฐานการทำงานของ machine learning กัน

Machine Learning (ML) คืออะไร

Machine learning เป็นหมวดหมู่ย่อยของ AI ที่ช่วยให้ระบบเรียนรู้จากข้อมูลหรือประสบการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้ตั้งโปรแกรมไว้อย่างชัดเจนเพื่อสร้างอัลกอริทึมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องซ้ำๆ

ตัวอย่างเช่น การค้นหาแบบ speed-to-text ใช้ ML เพื่อแปลงคำพูดเป็นข้อความบนโทรศัพท์ของคุณ ในโลกการแพทย์ แพทย์ใช้ machine learning เพื่อเร่งการวิเคราะห์ภาพ และในการธนาคาร ML ช่วยให้ตรวจจับการฉ้อโกงได้เร็วขึ้น

โมเดล machine learning มีสามประเภท

Supervised learning

ML ประเภทนี้ได้รับการเทรนโดยใช้ข้อมูลการเทรนที่มีป้ายกำกับ Data scientists ฝึกโมเดลโดยใช้ข้อมูลที่มีการบรรยายอย่างชัดเจนมากๆ เมื่อได้รับการเทรนแล้ว โมเดล machine learning ประเภทนี้สามารถจัดหมวดหมู่ข้อมูลเป็นหมวดหมู่ และใช้ข้อมูลนั้นเพื่อระบุรูปแบบและแนวโน้ม

Reinforcement learning

ด้วย reinforcement learning โมเดล ML จะเรียนรู้ผ่านการลองผิดลองถูก โมเดลนี้จะสร้างผลลัพธ์และขึ้นอยู่กับ data scientist ที่จะให้ฟีดแบ็กว่าผลลัพธ์ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งช่วยให้โมเดลสามารถรวบรวมฟีดแบ็กจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเพื่อพิจารณาการดำเนินการที่ถูกต้องในการปฏิบัติงาน

Unsupervised learning

Unsupervised learning ต่างจาก supervised learning ซึ่งให้ข้อมูลที่มีป้ายกำกับแก่อัลกอริทึม ML เพราะจะให้ชุดข้อมูลที่ไม่มีป้ายกำกับแทน ซึ่งหมายความว่าอัลกอริทึมสามารถระบุรูปแบบและการจัดกลุ่มได้ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องมีการแทรกแซงของมนุษย์

โมเดล ML อาจมีความซับซ้อนแต่อัลกอริทึมเหล่านี้อาจมีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพและประโยชน์ของผลลัพธ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของโมเดล machine learning

ความแตกต่างระหว่าง machine learning กับ AI

Machine learning และ AI มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดเพราะ ML เป็นส่วนย่อยของ AI อย่างไรก็ตาม ML มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างจาก AI ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะไม่ผสมเทคโนโลยีทั้งสองเข้าด้วยกัน

มาดูความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง AI และ machine learning

A table explaining the difference between machine learning and AI.

ทำความเข้าใจ AI

AI ช่วยให้ data scientists สร้างระบบอัจฉริยะที่สามารถทำงานได้เหมือนกับมนุษย์ วัตถุประสงค์ของ AI คือการสร้างระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะที่มีความฉลาดเหมือนมนุษย์ ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องอาศัยข้อมูลจากมนุษย์โดยตรง

AI ประยุกต์ใช้ได้มากมาย แต่มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มโอกาสและความสำเร็จเป็นหลัก เนื่องจากมีความก้าวหน้ามากกว่า AI จึงสามารถจัดการกับข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างได้ ซึ่งหมายความว่า data scientists สามารถอัปโหลดชุดข้อมูลที่ไม่มีป้ายกำกับและยังคงได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจน

AI มีสามประเภท ได้แก่ Weak AI, General AI, และ Super AI

ทำความเข้าใจ machine learning

เป้าหมายของ machine learning คือการให้ระบบเรียนรู้จากข้อมูลเพื่อให้สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ถูกต้อง โมเดล ML ช่วยให้ data scientists สอนระบบที่มีข้อมูลเป็นวิธีในการทำงานเฉพาะและให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง

ML มีขอบเขตการใช้งานที่จำกัดและส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การระบุความถูกต้องและรูปแบบ ซึ่งไม่สามารถเข้าใจข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างได้ โดยต้องการข้อมูลที่มีโครงสร้างหรือกึ่งโครงสร้างเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ถูกต้อง

ML ทั้งสามประเภทคือ supervised learning, reinforcement learning และ unsupervised learning

AI และ machine learning ทำงานร่วมกันอย่างไร

AI และ ML ทำงานร่วมกันเพื่อมอบโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมให้กับงานในโลกแห่งความเป็นจริง ที่จริงแล้ว ระบบ AI สร้างขึ้นโดยใช้ ML

แม้ว่า AI และ ML จะเป็นแนวคิดที่แตกต่างกัน แต่เมื่อรวมกันแล้วจะสร้างผลลัพธ์ที่เหนือกว่า

Infographic on how AI and machine learning work together.

วิธีการทำงาน

Machine learning มีความซับซ้อนน้อยกว่า AI แต่เป็นแรงผลักดันให้กับระบบ AI AI ใช้ ML เพื่อทำงานให้เสร็จสิ้น เช่น

  1. การเตรียมข้อมูล สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการเลือก การล้าง และการแปลงข้อมูลเป็นรูปแบบที่อัลกอริทึม ML สามารถใช้ได้
  2. การเทรนโมเดล อัลกอริทึม ML นำไปใช้เพื่อสร้างโมเดลที่สามารถคาดการณ์และตัดสินใจตามข้อมูลที่ป้อน อัลกอริทึม “เรียนรู้” จากข้อมูลโดยการระบุรูปแบบและความสัมพันธ์และปรับพารามิเตอร์เพื่อลดข้อผิดพลาด กระบวนการนี้จะทำซ้ำหลายครั้งและดำเนินต่อไปจนกว่าจะได้รับความแม่นยำในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ
  3. การ deploy โมเดล เมื่อโมเดลได้รับการเทรนแล้ว ก็จะสามารถนำไป deploy ในสภาพแวดล้อมจริงเพื่อคาดการณ์หรือจำแนกประเภทตามข้อมูลใหม่ในรูปแบบของ AI


{บางคนคิดว่าการใช้งาน AI และ machine learning จำกัดเฉพาะบริษัทยักษ์ใหญ่เท่านั้น แต่เทคโนโลยีเหล่านี้ล้วนแทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ในความเป็นจริง ผู้คน 77% ใช้อุปกรณ์หรือบริการที่ทำงานด้วยระบบ AI และส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว

Deep learning เป็นสาขาย่อยของ ML โดยใช้ neural networks ที่มีสามเลเยอร์ขึ้นไปเพื่อจำลองความสามารถในการเรียนรู้ของสมองมนุษย์ เครื่องมือ AI จำนวนมากใช้ deep learning เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงานอัตโนมัติและทำงานในระดับที่สูงขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง deep learning กับ machine learning

ประโยชน์ของ AI และ machine learning

AI และ ML ช่วยให้ธุรกิจมีโอกาสมากขึ้นในการทำงานอัตโนมัติและเพิ่มความเร็วในการทำงาน AI และ ML ให้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น

  1. แหล่งข้อมูลมากขึ้นเพื่อนำมาป้อน ธุรกิจต่างๆ มีข้อมูลจำนวนมาก แทนที่จะจัดเก็บข้อมูลนี้ AI และ ML ช่วยให้องค์กรสามารถรวบรวมและประมวลผลข้อมูลจำนวนมากขึ้น สิ่งนี้จะดำเนินการกับข้อมูลจำนวนมากโดยอัตโนมัติ
  2. การตัดสินใจที่ดีขึ้นและเร็วขึ้น AI และ ML ช่วยให้องค์กรใช้ข้อมูลคุณภาพสูงขึ้นได้ในปริมาณมาก ในทางปฏิบัติ ธุรกิจสามารถดึงข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้อย่างสม่ำเสมอจากข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง ซึ่งช่วยให้ธุรกิจมีความคล่องตัวและขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้น เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้นทั่วทั้งองค์กร
  3. เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน AI และ ML ช่วยให้ธุรกิจดำเนินงานที่ต้องทำซ้ำๆ ได้โดยอัตโนมัติพร้อมทั้งลดข้อผิดพลาด เพื่อทำให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากขึ้น โดยวิธีการของ AI สามารถลดข้อผิดพลาดได้มากถึง 50% สำหรับบางอุตสาหกรรม เช่น การค้าปลีก

การใช้งาน AI และ machine learning

มนุษย์เพิ่งเริ่มสำรวจศักยภาพของ AI และ ML เท่านั้น แต่เทคโนโลยีเหล่านี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ในความเป็นจริง 35% ขององค์กรใช้ AI ในปี 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้น 4% จากปี 2564

ในปี 2023 เราเห็นธุรกิจใช้ AI และ machine learning มากขึ้นในแอปพลิเคชันเหล่านี้

อนาคตของ AI และ machine learning

ในอนาคต เราคาดว่าจะเห็นความต้องการ AI และ ML เพิ่มขึ้น ภายในปี 2572 อุตสาหกรรม AI และ ML จะมีมูลค่ามากกว่า 2.09 แสนล้านดอลลาร์

ในอนาคต AI จะปฏิวัติวงการแพทย์และการวิจัย นอกเหนือจากการสร้างประสบการณ์ผู้บริโภคที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ตัวอย่างเช่น Adobe Real-Time CDP สร้างข้อมูลเชิงลึกและขั้นตอนที่ดำเนินการได้เพื่อขยายขนาดกลุ่มเป้าหมายผ่าน AI และ machine learning ความต้องการยังจะเพิ่มขึ้นสำหรับงาน STEM ในการจัดการโซลูชัน AI และ ML ในความเป็นจริง งานนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์และข้อมูลคาดว่าจะเติบโต 21% จนถึงปี 2574

เป็นที่ชัดเจนว่า AI และ ML จะยังคงปฏิวัติวงการธุรกิจอย่างที่ทราบกันดี เทคโนโลยีนี้มักจะทำงานอยู่เบื้องหลัง แต่ก็มีแนวโน้มที่จะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคตทั้งในการทำงานและชีวิตประจำวันของเรา

คุณพร้อมสำหรับขั้นถัดไปของวิวัฒนาการ AI หรือยัง ดูว่า machine learning เพิ่มประสิทธิภาพของ Adobe Sensei และผลิตภัณฑ์ Adobe Experience Cloud ทั้งหมดได้อย่างไร

บทความแนะนำ

https://main--bacom--adobecom.hlx.page/fragments/products/cards/rtcdp