คนยุคมิลเลนเนียลรักในการท่องเที่ยว แล้วแบรนด์ท่องเที่ยวจะรักตอบคนยุคนี้ได้อย่างไร

ถึงเวลาที่จะให้ความสำคัญกับคนยุคมิลเลนเนียลอย่างจริงจังแล้ว

ตัวอย่างเช่น MGM Grand Hotel & Casino ซึ่งติดตั้งพื้นที่เล่นเกมประสบการณ์ใหม่ด้วย Pac-Man และ Connect Four เวอร์ชันขนาดยักษ์ Starwood Hotels จ้างอินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลมีเดียเพื่อโพสต์ภาพในช่วงเวลาสุดพิเศษให้ผู้ติดตามได้รับชม Princess Cruises เปิดตัวประสบการณ์เสมือนจริง 360 องศาสำหรับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ และโรงแรมทั่วโลกกำลังเปลี่ยนการตกแต่งและเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ร้านกาแฟที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง บาร์ที่มีบริการแบบครบวงจร คลาสเรียนโยคะ แอปสำหรับเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก อินเทอร์เน็ตไร้สายฟรี และกุญแจห้องพักที่เป็นมิตรกับมือถือ

แบรนด์เหล่านี้เข้าใจดีว่าคนยุคมิลเลนเนียลโดยทั่วไปแล้วคือผู้ที่เกิดระหว่างปี 2525 ถึง 2543 ซึ่งคนยุคนี้กำลังเปลี่ยนแปลงวงการการท่องเที่ยวไปทีละนิดจากการเดินทางในแต่ละครั้ง หลายแบรนด์จึงคิดอย่างสร้างสรรค์มากขึ้นเพื่อหาวิธีเชื่อมโยงกับคนรุ่นนักเดินทางที่โหยหาประสบการณ์เหนือข้าวของ

ในขณะที่จำนวนประชากรชาวดิจิทัลรุ่นแรกกำลังเข้ามาบดบังคนยุคเบบี้บูมเมอร์ นักการตลาดด้านการท่องเที่ยวจำเป็นต้องรู้จักคนยุคมิลเลนเนียลและรู้ว่าเทคโนโลยีใด ช่องทางใด และประสบการณ์ใดบ้างที่จะถูกใจคนยุคนี้ ความท้าทายคือการเข้าถึงพวกเขาในลักษณะที่มากกว่าการทำตลาดเพื่อขาย แต่เป็นการสื่อสารถึงความรู้สึกเชิงประสบการณ์ของพวกเขาอย่างแท้จริง

คุณรู้ว่าการท่องเที่ยวเป็นเรื่องของประสบการณ์ นั่นคือเรื่องจริงยิ่งกว่าสำหรับคนยุคมิลเลนเนียล

การท่องเที่ยวและคนยุคมิลเลนเนียลนั้นเกิดมาเพื่อคู่กัน จากผลสำรวจของ Adobe Digital Index U.S. Working Millennials Survey ปี 2560 พบว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของคนยุคนี้ โดยเฉพาะวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 24 ปี จะให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่าข้าวของ และ 86 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าพวกเขาไม่อยากพลาดประสบการณ์ชีวิต คนรุ่นนี้สนใจในการท่องเที่ยวในต่างประเทศเป็นอย่างมาก และเดินทางบ่อยกว่ากลุ่มคนอื่นๆ ที่มีอายุสูงกว่า

Moxy Hotel ได้รับการขนานนามว่าเป็นแบรนด์ที่เน้นด้านประสบการณ์และมีความกล้าได้กล้าเสียของ Marriott International โดยเป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมในการตอบสนองความต้องการของคนยุคมิลเลนเนียล ในฤดูใบไม้ร่วงปีที่ผ่านมา โรงแรมได้จัดงานปาร์ตี้ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมชีวิตยามค่ำคืนที่มีสีสันใน Berlin โดยจัดแสดงดนตรี การเต้นรำ ศิลปะ และการแสดงออกทางเพศซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเมือง พื้นที่ส่วนกลาง NOW + WOW ของ Moxy Hotel ประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องเล่นเกม และบาร์ที่มีชีวิตชีวาด้วยการตกแต่งที่สร้างสรรค์อย่างประณีตแบบธรรมชาติและแท้จริง ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยววัยรุ่นและคนท้องถิ่นที่ชอบสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและพบปะผู้คนใหม่ๆ โดยที่ไม่ต้องทุบกระปุกออมสิน

แบรนด์ด้านประสบการณ์ของ Moxy ประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่แค่เพราะนักการตลาดใช้ข้อมูลเพื่อคิดให้เหมือนคนยุคมิลเลนเนียลเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมสิ่งอื่นๆ ที่นักท่องเที่ยววัยหนุ่มสาวเหล่านี้สนใจอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นคนที่คลั่งไคล้เรื่องสุขภาพ ตลอดจนนักปาร์ตี้ ไปจนถึงคอภาพยนตร์เชิงศิลป์ คนเหล่านี้จะผลักดันและช่วยสร้างประสบการณ์ ในท้ายที่สุดคนยุคนี้ต้องการควบคุมว่าจะเข้าร่วมกับแบรนด์เมื่อไหร่และอย่างไร

“คนยุคนี้จะควบคุมสิ่งที่พวกเขาต้องการ พวกเขาต้องการเห็นสิ่งที่จะได้รับ ซึ่งความโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาต้องการประสบการณ์ที่ราบรื่นและสะดวกสบายผ่านทุกๆ อุปกรณ์และเนื้อหา” Tamara Gaffney นักวิเคราะห์หลักของ Adobe Digital Insights กล่าวไว้

หกวิธีในการสร้างประสบการณ์แบบไดนามิกสำหรับคนยุคมิลเลนเนียล

ในขณะที่คนยุคมิลเลนเนียลได้เข้ามาแทนที่คนยุคเบบี้บูมเมอร์ในฐานะผู้ชมที่มีมูลค่าสูงสุดในวงการ แบรนด์ท่องเที่ยวที่ชาญฉลาดจึงต่างเร่งรีบเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับจุดเปลี่ยนนั้น หลายแบรนด์กำลังรักษาความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับคนยุคมิลเลนเนียล ซึ่งคือเรื่องความปรารถนาทั้งในเรื่องประสบการณ์และการควบคุม โดยเจาะลึกไปถึงแก่นแท้ในสิ่งที่พวกเขาทำ ซึ่งแบรนด์ต่างๆ กำลังก้าวไปไกลกว่าความเข้าใจพื้นฐานนั้นด้วยการใช้ศักยภาพสูงสุดของการวิเคราะห์ การโฆษณาแบบตั้งโปรแกรม และเครื่องมือทางการตลาดบนระบบคลาวด์ หลายแบรนด์สามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อทำความรู้จักกับลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียลที่เจาะจงของตนเองได้ จากนั้นก็ส่งมอบและร่วมสร้างสรรค์ประสบการณ์กับพวกเขาได้อย่างจริงจัง

ต่อไปนี้คือหกวิธีที่แบรนด์เหล่านี้ผสมผสานเทรนด์สำคัญๆ ข้อมูลเชิงลึกบางประเภท และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับคนยุคมิลเลนเนียล

1: ให้ความสำคัญกับมือถือเป็นอันดับแรก

คนยุคมิลเลนเนียลใช้และไว้วางใจมือถือ ตามข้อมูลของ Google มีนักท่องเที่ยวชาวมิลเลนเนียลสองในสามคนที่ชอบจองทั้งทริปการเดินทางด้วยสมาร์ทโฟน ขณะที่มีนักท่องเที่ยวอายุ 35 ปีขึ้นไปเพียงหนึ่งในสามเท่านั้นที่จะชอบทำแบบเดียวกัน และ eMarketer สังเกตว่าคนยุคมิลเลนเนียลชอบชำระเงินผ่านมือถือมากกว่าคน ยุค Gen X 

นี่คือเหตุผลที่ Starwood Resorts และ Marriott International กำลังสำรวจศักยภาพของกระบวนการเช็คอินห้องพักผ่านมือถือ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเช็คอิน ขอหมายเลขห้องพัก และแม้แต่เข้าห้องพักด้วย Apple Watch ของคุณได้ และตอนนี้แผนกเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกของ Hilton และ Hyatt ก็มีบัญชี Twitter ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ทางมือถือตลอด 24 ชั่วโมง

การผสานการทำงานกับมือถือเช่นนี้จำเป็นต้องมีรากฐานดิจิทัลแบบไดนามิกเพื่อมอบประสบการณ์ได้อย่างราบรื่น และเมื่อแบรนด์มีเครื่องมือในการทำเช่นนั้นแล้ว ก็สามารถใช้มือถือได้อย่างเต็มศักยภาพในการเข้าถึงกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียลในทุกขั้นตอนของกระบวนการตัดสินใจซื้อ 

2: ทําให้เป็นแบบเฉพาะตัว

คนยุคมิลเลนเนียลต้องการเนื้อหาแบบเฉพาะตัวและเกี่ยวข้องกับตัวเองมากกว่ากลุ่มประชากรอื่นๆ พวกเขาไม่เพียงประทับใจประสบการณ์แบบเฉพาะตัวเท่านั้น แต่ยังคาดหวังว่าจะต้องได้รับประสบการณ์เช่นนี้ด้วย และในขณะที่แบรนด์ท่องเที่ยวรู้อยู่เต็มอกว่าการปรับแต่งแบบเฉพาะตัวเพียงเล็กน้อยนั้นจะประสบความสำเร็จ แต่ในตอนนี้พวกเขาควรคิดหาวิธีการใหม่ๆ ที่เสริมศักยภาพด้วยดิจิทัลมาใช้ปรับแต่งประสบการณ์รายบุคคลแบบกำหนดเองในปริมาณมากด้วย 

แนวโน้มการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนยุคมิลเลนเนียล ก็คือการปรับแต่งแบบเฉพาะตัวและการเชื่อมต่อ เมื่อใช้การวิเคราะห์เพื่อสร้างมุมมองภาพรวมของลูกค้า จะช่วยให้แบรนด์ท่องเที่ยวสามารถนำเสนอโฆษณาแบบไดนามิกทรงประสิทธิภาพซึ่งที่เล็งเป้าไปยังลูกค้าเฉพาะรายและมีความพอดีกับความต้องการของลูกค้าได้ในเวลาและสถานที่ที่แม่นยำ และจะพบว่าผลที่ได้อาจเป็นรางวัลที่คุ้มค่ายิ่ง 

“การสอดแทรกประโยชน์เหล่านี้มีศักยภาพมาก” Kevin Lindsay หัวหน้าฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ของ Adobe Target กล่าวไว้ ตัวอย่างเช่น เมื่อโรงแรมรู้ว่าแขกได้เช็คอินทางมือถือ "คุณสามารถเลือกเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับที่อยู่และแผนการในอนาคตของแขกได้" ซึ่งทำให้แบรนด์ต่างๆ สามารถยื่นข้อเสนอ ความช่วยเหลือ และไอเดียที่ปรับแต่งได้เองอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้การเข้าพักของแขกนั้นราบรื่นและน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น เป็นการมีส่วนร่วมของลูกค้าที่ไม่รู้สึกว่าเป็นการขายมากเกินไป แต่ให้ความเฉพาะตัวและมีประโยชน์

3: เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายโซเชียลของลูกค้า

จากข้อมูลของ eMarketer 61 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ Facebook ชาวมิลเลนเนียลในสหรัฐฯ ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงขึ้นไปกับแพลตฟอร์มนี้ในทุกๆ วัน และจากข้อมูลของ Amp และ Blitz พบว่า 84 เปอร์เซ็นต์ของคนยุคมิลเลนเนียลมีแนวโน้มหรือมีแนวโน้มสูงที่จะวางแผนการเดินทางโดยอิงจากโพสต์และภาพถ่ายในวันหยุดของคนอื่นบนโซเชียลมีเดีย 

คนยุคมิลเลนเนียลจะสัมผัสประสบการณ์การเดินทางของผู้อื่นผ่านเครือข่ายของตัวเอง ซึ่งจะมอบความคิดเห็น คำถาม และไอเดียต่างๆ แบบเรียลไทม์แก่นักเดินทาง จึงเป็นโอกาสให้แบรนด์ท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมกับนักเดินทางอย่างเป็นธรรมชาติจากภายในเครือข่ายของพวกเขาเอง

แบรนด์ท่องเที่ยวสามารถผสานการทำงานของโซเชียลมีเดียเข้ากับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยนำจุดแข็งต่างๆ ของการโฆษณาแบบตั้งโปรแกรมมาใช้ในส่วนนี้ เพราะมันทำงานแบบอัตโนมัติ มีความโปร่งใส ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และมีประสิทธิภาพ ในส่วนของการเดินทางนั้น มันไม่เพียงแต่จะมีบทบาทในระหว่างการเดินทางเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลสำคัญต่อขั้นตอนการวางแผนของผู้อื่นอีกด้วย

4: ใช้เวลาเรียนรู้ว่าลูกค้าชื่นชอบและใช้ช่องทางติดต่อใด

eMarketer รายงานว่า 63 เปอร์เซ็นต์ของคนยุคมิลเลนเนียลระบุว่าอีเมลเป็นช่องทางการสื่อสารที่ต้องการใช้กับแบรนด์ ซึ่งเป็นช่องทางที่สะดวก คล่องตัว ดำเนินการได้ และมีความเป็นส่วนตัว พวกเขายังใช้การค้นหาทางออนไลน์ทุกวัน ซึ่งจะสร้างโอกาสให้กับแบรนด์ในการกำหนดเป้าหมายโฆษณาตามการค้นหาแบบชำระเงินและปรับแต่งให้เข้ากับความชอบของคนยุคมิลเลนเนียล 

วิดีโอเป็นอีกวิธีหนึ่งในการสื่อสารภาษาของลูกค้า Animoto รายงานว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของคนยุคมิลเลนเนียลจะดูวิดีโอขณะช็อปปิ้งออนไลน์ และมีแนวโน้มที่จะแชร์วิดีโอมากกว่ากลุ่มอายุอื่นๆ ถึง 2.5 เท่า และจากข้อมูลของ eMarketer โฆษณาวิดีโอในวงการการท่องเที่ยวมักจะมีอัตราความสำเร็จสูงกว่าเมื่อเทียบกับวงการอื่นๆ 

นั่นหมายความว่านักการตลาดในวงการท่องเที่ยวมีโอกาสมากขึ้นที่จะใช้ประโยชน์จากสื่อที่ผู้ชมกลุ่มมิลเลนเนียลน่าจะใช้เวลารับชม นักการตลาดสามารถปรับแต่งการกำหนดเป้าหมายได้อย่างละเอียดโดยใช้ข้อมูลแบบข้ามช่องทาง และทำให้แน่ใจว่าเนื้อหาวิดีโอนั้นจะโดนใจ สร้างแรงบันดาลใจ และควรค่าแก่การแชร์ (และแชร์ได้ง่าย)

5: ทำให้ราบรื่นที่สุด

เครื่องมือดิจิทัลจะอยู่ใกล้มือของคนยุคมิลเลนเนียลอยู่เสมอ ดังนั้นแบรนด์ต่างๆ ควรให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการทำงานที่ราบรื่น ทาง MGM Hotels ตระหนักดีว่าผู้เยี่ยมชมส่วนใหญ่จะเข้ามาไม่บ่อยนักเพราะไม่อยากดาวน์โหลดแอป พวกเขาจึงต่อต้านการทดลองสร้างแอปใหม่ให้กับกลุ่มมิลเลนเนียลที่ใช้งานมือถือเป็นหลัก แต่กลับสร้างเว็บไซต์ที่ตอบสนองได้ดีกับมือถือแทน ดังนั้นผู้เยี่ยมชมจึงไม่จำเป็นต้องใช้แอปเฉพาะในการจองห้องพัก ค้นหากิจกรรมและการแสดง หรือสื่อสารกับร้านอาหารของ MGM การเดินหมากนี้ของ MGM เล็งไปที่การสร้างประโยชน์เป็นหลัก และผลคือประสบความสำเร็จอย่างมาก 

จงอย่าทำตัวเท่ประชันกับคนยุคมิลเลนเนียล แต่จงทำตัวนอบน้อมและน่าเชื่อถือ ในกรณีของ MGM นี่คือการใช้เทคโนโลยีอย่างสมเหตุสมผล

6: ผลักดันนวัตกรรม

คนรุ่นแรกแห่งยุคดิจิทัลจะรู้สึกคุ้นเคยกับเทคโนโลยีเกิดใหม่ ดังนั้นแบรนด์ท่องเที่ยวจึงควรก้าวไปพร้อมๆ กับพวกเขา ซึ่งจะสร้างโอกาสในการคิดอย่างสร้างสรรค์และสร้างประสบการณ์ที่สดใหม่และน่าสนใจ ตัวอย่างเช่น Marriott ได้เปิดตัวประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยความเป็นจริงเสมือน (VR) เพื่อให้แขกสำรวจพื้นที่ได้ไกลกว่าที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของตัวเอง ชุดหูฟังประสบการณ์ที่เรียกว่า "VRoom Service" จะถูกส่งไปยังห้องพักของแขกซึ่งพวกเขาสามารถออกเดินทางแบบเสมือนจริงไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ทั่วทุกมุมโลก 

ขณะสวมชุดหูฟัง จะมีตัวเลือก “VR Postcard” มากมายให้แขกได้เลือกเพื่อสัมผัสกับประสบการณ์วิดีโอและเสียงแบบ 360 องศาได้ตั้งแต่เทือกเขาแอนดีส ถนนในปักกิ่ง และแม้แต่ร้านไอศกรีมในรวันดา  

“การท่องเที่ยวช่วยขยายความคิดและช่วยผลักดันจินตนาการของเรา” Matthew Carroll รองประธานของ Marriott Hotels กล่าว “แขกที่เข้าพักของเราต้องการอยู่ในพื้นที่แห่งการคิดค้นที่จะช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการใช้ความคิดของพวกเขา VRoom จะผสมผสานการเล่าเรื่องเข้ากับเทคโนโลยี ซึ่งเป็นสองสิ่งที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวรุ่นต่อไป”

การเปลี่ยนแปลงในการตลาดการท่องเที่ยว

ความเป็นไปได้ในการตลาดการท่องเที่ยวไม่เคยน่าตื่นเต้นเท่านี้มาก่อน และก็ไม่เคยมีความคาดหวังของคนรุ่นใดสูงเท่านี้มาก่อนเช่นกัน เมื่อมีเครื่องมือที่เหมาะสม จึงไม่ยากเกินไปที่จะมอบประสบการณ์ที่พร้อมใช้งานบนมือถือ เฉพาะตัว และเชื่อมต่อกับโซเชียลได้ 

ตอนนี้แบรนด์ท่องเที่ยวมีเครื่องมือที่เพียบพร้อมกว่าที่เคยสำหรับงานในปัจจุบัน การวิเคราะห์จะช่วยให้พวกเขามองเห็นภาพรวม การวางแผนแบบข้ามช่องทางจะช่วยให้พวกเขาเข้าถึงได้มากขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพสื่อจะมอบความสามารถในการคาดการณ์และการทำงานอัตโนมัติให้พวกเขา และการเพิ่มประสิทธิภาพที่สร้างสรรค์จะช่วยให้พวกเขามีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น  

ด้วยการสร้างมุมมองแบบองค์รวมของลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียล การยอมรับความโดดเด่นที่เพิ่มขึ้นของพวกเขา และการนำเสนอเนื้อหาและประสบการณ์ที่สำคัญต่อพวกเขา นักการตลาดด้านการท่องเที่ยวจึงสามารถผจญภัยได้อย่างสนุกสนานเคียงข้างไปกับเพื่อนนักท่องเที่ยวชาวมิลเลนเนียล

นำสิ่งที่คนยุคมิลเลนเนียลให้ความสำคัญมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับโอกาสทางการตลาด