Signify เป็นบริษัทน้องใหม่ที่มีประวัติอันยาวนานในการนำแสงสว่างมาสู่โลกใบนี้ Signify แยกตัวออกมาจากกลุ่มบริษัทระดับโลกอย่าง Philips เพื่อนำเสนอยุคใหม่ของเทคโนโลยีระบบไฟส่องสว่างโดยมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตั้งแต่โคมไฟถนน ระบบไฟรักษาความปลอดภัย และโคมไฟสำหรับปลูกพืชในเรือนกระจก ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ Philips Hue
“ระบบไฟส่องสว่างเปลี่ยนไปอย่างมากนับตั้งแต่ที่ Philips ผลิตหลอดไส้หลอดแรกในปี 2434” Ralph Hulscher, Tribe Architect Digital Marketing ของ Signify กล่าว “ทุกวันนี้ ผู้คนต้องการแสงสว่างที่ใช้งานได้ยาวนาน อาจจะหลายสิบปีเลยด้วยซ้ำในกรณีของไฟถนน ไฟในอาคาร หรือไฟในสถานที่อื่นๆ ที่เข้าถึงยาก อีกทั้งยังต้องการหลอดไฟที่เชื่อมต่อแบบดิจิทัลได้อย่างยั่งยืนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Internet of Things Signify มีคำตอบสำหรับทุกคน และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราเป็นอันดับ 1 ในด้านระบบไฟส่องสว่างทั้งหลอดไฟแบบปกติ, หลอดไฟ LED และหลอดไฟที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต”
ในฐานะที่เป็นบริษัทอิสระ Signify ได้ประเมินกลยุทธ์ของตนเองใหม่ โดยคำนึงถึงประสบการณ์ที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ในโลกดิจิทัล นั่นหมายถึงประสบการณ์เฉพาะบุคคลและการโต้ตอบกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น Signify เลือกใช้ Adobe Experience Cloud เพื่อรองรับเป้าหมายเหล่านี้
บริษัทแห่งนี้สร้างเว็บไซต์แบบแยกส่วนที่ยืดหยุ่นโดยใช้ Adobe Experience Manager Sites และใช้ Analytics และTarget เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกจากลูกค้าและทดสอบกลยุทธ์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขยายขอบเขตเพื่อรองรับโมเดลธุรกิจที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง โดยนำ Adobe Campaign, Commerce, Experience Manager Assets, Marketo Engage, Real-Time Customer Data Platform และ Journey Optimizer เข้ามาเสริม
“เนื่องจากเราสามารถเข้าถึงโซลูชันแบบครบวงจร เราจึงสร้างมูลค่าได้เร็วขึ้น บรรลุผลลัพธ์ได้ฉับไวขึ้น และสนับสนุนประสบการณ์ที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางทั้งในปัจจุบันและในอนาคต” Manuel Diez Lopez, Global Product Owner eCRM and Personalization B2C ของ Signify กล่าว