“มีหลายสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้แบรนด์โดดเด่น” Kauffman กล่าว “สิ่งสำคัญคือความสม่ำเสมอ ถ้าคุณดูที่โลโก้ Monster อันเป็นเอกลักษณ์ จะเห็นเฉดสีเขียวที่เฉพาะตัวมาก ถ้างานพิมพ์ บรรจุภัณฑ์ เว็บไซต์ วิดีโอ และอุปกรณ์ที่มีแบรนด์มีสีไม่เหมือนกัน ก็จะไม่ใช่ Monster อีกต่อไป เราต้องการแชร์ assets ได้ง่าย เพื่อให้ผู้คนสามารถค้นหาเวอร์ชันที่เหมาะสมได้ตลอดเวลา”
เมื่อกลุ่มเป้าหมายต้องการ engagement มากขึ้น ผู้บริหารจึงมอบหมายให้ Kauffman เปลี่ยนแปลง content supply chain เพื่อช่วยให้ทีมทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ค้นหาและนำ assets กลับมาใช้ซ้ำ และตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการรายงานข่าวเกี่ยวกับนักกีฬาและอีเวนต์ของ Monster Energy Kauffman และทีมไอทีได้ดำเนินการสำรวจเป็นเวลาหกเดือน โดยวางแผนสถานะปัจจุบันของการสร้างเนื้อหาที่ Monster และเปรียบเทียบกับเป้าหมายของบริษัท หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือการตรวจสอบและการอนุมัติกับพนักงานที่ทำงานจากหลายที่
ด้วยการผสานรวม Frame.io เข้ากับเวิร์กโฟลว์วิดีโอ Adobe Premiere Pro ที่มีอยู่ ทีมที่ทำงานจากทุกที่ในโลกจึงสามารถให้ข้อเสนอแนะและช่วยส่งมอบวิดีโอที่ทำให้แฟนๆ ตื่นเต้นกับแบรนด์ Monster
ตอบสนองความต้องการเนื้อหาวิดีโอที่เพิ่มมากขึ้น
Monster เผยแพร่คลิปวิดีโอประมาณ 3,000 คลิปต่อปีผ่านช่องทางการตลาดต่างๆ และอีก 1,000 คลิปสำหรับใช้งานภายใน ซึ่งเพิ่มขึ้น 200% ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นคลิปสั้นๆ ประมาณหนึ่งนาทีหรือน้อยกว่านั้นที่โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย แม้ว่าบางคลิปอาจยาวถึง 10 นาที ทีม Monster สร้างคลิปจำนวนมากขณะเดินทางไปติดตามการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ ส่งผลให้การตรวจสอบและการอนุมัติวิดีโอมักเกี่ยวข้องกับผู้ร่วมงานระยะไกล
ก่อนหน้านี้ ทีมวิดีโออัปโหลดวิดีโอเพื่อตรวจสอบผ่านบริการสตรีมมิ่งหรือแชร์ไฟล์ แต่วิดีโอมักกระตุกหรือล่าช้า Frame.io ช่วยเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ ทีมครีเอทีฟแชร์วิดีโอเพื่อตรวจสอบได้โดยคลิกแค่ครั้งเดียว ผู้ชมทั่วโลกสามารถรับชมวิดีโอเวอร์ชันความละเอียดสูงและเพิ่มความเห็นได้ โดยวาดลงบนเฟรมโดยตรงเพื่อให้ข้อเสนอแนะที่ชัดเจนขึ้น ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยังสามารถรับชมวิดีโอบนอุปกรณ์มือถือ ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมากสำหรับผู้บริหารที่มีธุรกิจรัดตัวและพนักงานคนอื่นๆ ที่เดินทางบ่อยครั้ง
“การทำงานกับ Frame.io ช่วยประหยัดเวลาทีมครีเอทีฟวันละมากกว่าหนึ่งชั่วโมงต่อคน” Kauffman กล่าว “เรากำลังลดระยะเวลาออกสู่ตลาดลง 50% ขณะที่ทีมมีเวลาเพิ่มมากขึ้นในการสร้างสรรค์และส่งมอบวิดีโอที่ดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย”
การทำงานร่วมกันเป็นกุญแจสำคัญสำหรับครีเอทีฟที่ Monster โดยมีหลายทีมที่ดำเนินการตรวจสอบวิดีโอ ขั้นตอนต่อไปคือการเปลี่ยน Frame.io ให้เป็นที่เก็บข้อมูลส่วนกลาง เมื่อสร้างเสร็จแล้ว วิดีโอจะได้รับการจัดหมวดหมู่ ติดแท็ก และอัปโหลดไปยัง Frame.io อย่างระมัดระวัง เพื่อให้ทีมต่างๆ ทั่วทั้งบริษัทค้นหาคลิปที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
สร้างสรรค์อย่างรวดเร็วทันใจ
แม้ว่าวิดีโอจะมีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์ด้าน engagement ของ Monster Energy แบรนด์ Monster ยังคงพึ่งพาสื่อที่หลากหลายเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกที่ ด้วย Adobe Creative Cloud ทีมออกแบบจึงสามารถค้นหาแอปที่ต้องการเพื่อส่งมอบผลงานที่มีคุณภาพได้เร็วขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ทีมวิดีโอใช้ Premiere Pro และ After Effects ส่วนนักออกแบบคนอื่นๆ มักใช้ Photoshop, Illustrator และ InDesign สำหรับงานที่หลากหลาย ตั้งแต่เว็บไซต์ไปจนถึงจอแสดงโปรโมชันในร้านค้า รวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ Monster วางแผนที่จะเริ่มใช้ Substance 3D Collection เพื่อสร้างโมเดล 3 มิติและการถ่ายภาพเสมือนจริงที่ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะช่วยให้ทีมสามารถส่งมอบภาพถ่ายผลิตภัณฑ์ที่น่าดึงดูดจากหลายมุมได้อย่างรวดเร็วด้วยต้นทุนต่ำ เมื่อไม่นานนี้ Monster ยังได้ย้ายไปใช้ Adobe Creative Cloud Pro Plus ทำให้นักออกแบบสามารถใช้ Adobe Stock ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ